เมนู

3. เสรีสูตร



[282] เสรีเทพบุตร ครั้นยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้วได้กล่าว
คาถาทูลถวายพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า
เทวดาและมนุษย์ทั้งสองพวก ต่าง
ยินดีข่าวและน้ำด้วยกันทั้งนั้น เออ ก็ผู้
ที่ไม่ยินดีข้าวและน้ำชื่อว่ายักษ์โดยแท้.

[283] พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสตอบเสรีเทพบุตร ด้วยพระคาถาว่า
ชนเหล่าใดมีใจผ่องใส ให้ข้าวและ
น้ำนั้นด้วยศรัทธา ข้าวและน้ำนั้นแล ย่อม
พะนอชนเหล่านั้นในโลกนี้และโลกหน้า
เพราะเหตุนั้น พึงเปลื้องความตระหนี่เสีย
ครอบงำมลทินคือความตระหนี่เสีย ให้
ทาน บุญเท่านั้นย่อมเป็นที่พึ่งของเหล่า
สัตว์ในโลกหน้า.

[284] ส. น่าอัศจรรย์พระเจ้าข้า ไม่เคยมีมา พระเจ้าข้า พระ-
ดำรัสนี้พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสดีแล้วว่า
ชนเหล่าใดมีใจผ่องใส ให้ข้าวและ
น้ำนั้นด้วยศรัทธา ข้าวและน้ำนั้นแล ย่อม
พะนอชนเหล่านั้นทั้งในโลกนี้และโลก
หน้าเพราะเหตุนั้น พึงเปลื้องความตระหนี่

เสีย ครอบงำมลทินคือความตระหนี่เสีย
ให้ทาน บุญเท่านั้นเป็นที่พึ่งของเหล่าสัตว์
ในโลกหน้า.

[285] ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ เรื่องเคยมีมาแล้ว ข้าพระองค์ได้เป็น
พระเจ้าแผ่นดิน มีนามว่าเสรี เป็นทายก เป็นทานบดี เป็นผู้สรรเสริญการ
ให้ทาน. ที่ประตูทั้ง 4 ด้าน ข้าพระองค์ได้ให้ทานแก่สมณพราหมณ์ คน
กำพร้า คนเดินทางไกล วณิพกและยาจกทั้งหลาย ครั้นต่อมา พวกฝ่ายใน
พากันเข้าไปหาข้าพระองค์ ได้พูดปรารภขึ้นว่า พระองค์ทรงบำเพ็ญทาน แต่
พวกหม่อมฉันไม่ได้ให้ทาน เป็นการชอบที่พวกหม่อมฉันจะได้อาศัยฝ่าพระบาท
ให้ทานกระทำบุญ ข้าพระองค์จึงคิดเห็นว่า เราเองก็เป็นทายก เป็นทานบดี
เป็นผู้สรรเสริญการให้ทาน เมื่อมีผู้พูดว่า พวกหม่อมฉันจะให้ทาน เราจะว่า
อะไร แล้วจึงมอบประตูด้านแรกให้เเก่พวกฝ่ายในไป เขาพากันให้ทานในที่
นั้น ทานของข้าพระองค์ก็ลดไป ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ครั้นต่อมา พวก
เจ้าพระราชวงศ์พากันเข้าไปหาข้าพระองค์ ได้พูดปรารภขึ้นว่า พระองค์ทรง
บำเพ็ญทาน พวกฝ่ายในก็บำเพ็ญทาน แต่พวกข้าพระพุทธเจ้าไม่ได้ให้ทาน
เป็นการชอบที่พวกข้าพระพุทธเจ้าจะได้อาศัยฝ่าพระบาทให้ทานกระทำบุญ ข้า
พระองค์ก็คิดเห็นว่า เราเองก็เป็นทายก เป็นทานบดี เป็นผู้สรรเสริญการให้
ทาน เมื่อมีผู้พูดว่า พวกข้าพระพุทธเจ้าจะให้ทาน เราจะว่าอะไร แล้วจึงมอบ
ประตูด้านที่สองให้แก่พวกเจ้าพระราชวงศ์ไป พวกเจ้าพระราชวงศ์ต่างก็พากัน
ให้ทานในที่นั้น ทานของข้าพระองค์ก็ลดไป ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ครั้นต่อ
มา พวกฝ่ายทหาร เข้าไปหาข้าพระองค์ได้พูดปรารภขึ้นว่า พระองค์ก็ทรง
บำเพ็ญพระราชกุศล พวกฝ่ายในก็ทรงบำเพ็ญพระกุศล พวกเจ้าพระราชวงศ์ก็
ทรงบำเพ็ญพระกุศล พวกข้าพระเจ้ามิได้ให้ทานเป็นการชอบที่พวกข้าพระเจ้า

จะได้อาศัยฝ่าพระบาทให้ทานกระทำบุญ ข้าพระองค์จึงคิดเห็นว่า เราเองก็
เป็นทายกเป็นทานบดี เป็นผู้สรรเสริญการให้ทาน เมื่อมีผู้พูดว่า พวกข้าพระเจ้า
จะให้ทาน เราจะว่าอะไรแล้วจึงมอบประตูด้านที่สามให้พวกฝ่ายทหารไป เข้า
ก็พากันให้ทาน ในที่นั้น ทานของข้าพระองค์ก็ลดไป ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ
ครั้นต่อมา มีพวกพราหมณ์คฤหบดี เข้าไปหาหม่อมฉันได้พูดปรารภขึ้นว่า
พระองค์ก็ทรงบำเพ็ญพระราชกุศล พวกฝ่ายในก็ทรงบำเพ็ญพระกุศล พวกเจ้า
พระราชวงศ์ก็ทรงบำเพ็ญพระกุศล พวกฝ่ายทหารก็ให้ทาน แต่พวกข้าพเจ้า
ไม่ได้ให้ทาน เป็นการชอบที่พวกข้าพระเจ้าจะได้อาศัยฝ่าพระบาทให้ทานกระทำ
บุญ ข้าพระองค์จึงคิดเห็นว่า เราเองก็เป็นทายก เป็นทานบดี เป็นผู้สรรเสริญ
การให้ทาน เมื่อมีผู้พูดว่า พวกข้าพเจ้าจะให้ทาน เราจะว่าอะไร แล้วจึง
มอบประตูด้านที่สี่ให้พวกพราหมณ์คฤหบดีไป เขาต่างก็พากันให้ทานในที่นั้น
ทานของข้าพระองค์ก็ลดไป ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พวกเจ้าหน้าที่ทั้งหลายต่าง
พากันเข้าไปหาข้าพระองค์แล้ว ได้ทูลขึ้นว่า บัดนี้พระองค์จะไม่ทรงบำเพ็ญ
ทานในที่ไหน ๆ อีกหรือ เมื่อเขาทูลอย่างนี้ ข้าพระองค์จึงกล่าวตอบไปว่า
ท่านทั้งหลาย ถ้าอย่างนั้น ในท้องถิ่นชนบทนอก ๆ ออกไป มีรายได้ใด ๆ
เกิดขึ้น พวกท่านจงรวบรวมรายได้นั้น ๆ ส่งเข้าไปในเมือง (เข้าท้องพระคลัง)
เสียกึ่งหนึ่ง อีกกึ่งหนึ่งพวกท่านจงให้ทานแก่สมณพราหมณ์ คนกำพร้า คนเดิน
ทางไกล วณิพกและยาจกทั้งหลายในชนบทนั้นเถิด ข้าพระองค์จึงยังไม่ถึงที่สุด
แห่งบุญที่ได้บำเพ็ญไว้ แห่งกุศลที่ได้ก่อสร้างไว้ตลอดกาลนานอย่างนี้ โดยที่
จะมาคำนึงถึงว่า เท่านี้ก็เป็นบุญแล้ว เท่านี้ก็เป็นผลของบุญแล้ว หรือเท่านี้ที่
เราก็พึงตั้งอยู่ในสามัคคีธรรมได้.
[286] ส. น่าอัศจรรย์ พระเจ้าข้า ไม่เคยมีมา พระเจ้าข้า พระดำรัส
นี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสดีแล้วว่า

ชนเหล่าใดมีใจผ่องใส ให้ข้าวและ
น้ำด้วยความศรัทธา ข้าวและน้ำนั้นแล
ย่อมพะนอชนเหล่านั้นทั้งในโลกนี้และโลก
หน้า เพราะเหตุนั้น พึงเปลื้องความตระหนี่
เสีย ครอบงำมลทินคือความตระหนี่เสีย
ให้ทาน บุญเท่านั้นย่อมเป็นที่พึ่งของเหล่า
สัตว์ในโลกหน้า.


อรรถกถาเสรีสูตร



พึงทราบวินิจฉัยในเสรีสูตรที่ 3 ต่อไป :-
บทว่า ทายโก แปลว่า ผู้ให้ทานเป็นปกติ. บทว่า ทานปติ ได้แก่
เป็นเจ้าแห่งทานที่ให้แล้วให้ ไม่ใช่เป็นทาส ไม่ใช่เป็นสหาย. จริงอยู่ ผู้ใด
บริโภคของอร่อยด้วยตนเอง และให้ของไม่อร่อยแก่คนอื่น ผู้นั้น ชื่อว่า เป็น
ทาสแห่งไทยธรรม กล่าวคือทาน ให้ทาน [ทาสทาน]. ก็ผู้ใดบริโภคของใดด้วย
ตนเองให้ของนั้นนั่นแหละ ผู้นั้นชื่อว่าเป็นสหายให้ทาน [สหายทาน]. ส่วน
ผู้ใดดำรงชีวิตด้วยของนั้นใดด้วยตนเอง และให้ของอร่อยแก่ผู้อื่น ผู้นั้น ชื่อว่า
เป็นเจ้า เป็นใหญ่ เป็นนายให้ทาน [ทานบดี]. เสรีเทพบุตรนั้นกล่าวว่า
ข้าพระองค์ได้เป็นเช่นนั้น.
บทว่า จตูสุ ทฺวาเรสุ ความว่า ได้ยินว่า พระราชาพระองค์นั้น
ได้มีรัฐ 2 รัฐ คือ สินธวรัฐ และ โสวีรกรัฐ. มีนครชื่อโรรุวนครที่ประตู